Wednesday, 25 January 2017

SNP Company and ยาหม่องโพธิ์หยก

วันนี้เช็คดูเว็บไซต์ของยาหม่องโพธ์หยก ซึ่งเป็นยาหม่องที่ขายดีที่สุดของไทย  เพิ่งขอ อย.ได้เมื่อปี 2555 นี้เอง  และเป็นโรงงานที่ค่อนข้างใหม่อีกด้วย  คงเพราะสูตรเค้าคงดีพิเศษและผลิตมาเพื่อขายให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ  

สูตรที่ระบุอยู่บนกล่องคือ ใน 100 กรัม ประกอบด้วย

น้ำมันใบพญายอ      35 กรัม
พิมเสน                     10 กรัม
การบูร                      10 กรัม
เกล็ดสะระแหน่         15 กรัม

 http://phoyokthailand.com/contact.html

ส่วนประกอบสำคัญที่แตกต่างจากยาหม่องอันอื่น คือ น้ำมันใบพญายอ  ซึ่งพอไปค้นในเน็ตก็พบว่า มันคือ เสลดพังพอนตัวเมียนั่นเอง  มีขายอยู่ในเว็บไซต์ของ บริษัท Siam Natural Product ซึ่งเค้ามีขายสารสกัดจากธรรมชาติ และสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง  ยอดสั่งซื้อ ก็คือ หนึ่งกิโล และเค้าส่งทางไปรษณีย์ได้


https://www.snpthai.com/en/customer-care

ดูในเว็บไซต์และ วีดีโอเกี่ยวกับบริษัท มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือดี





https://www.snpthai.com/en/about/video

Monday, 16 January 2017

ความรุ้เรื่องน้ำมันไพล จากม.มหิดล

http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/109/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9


บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


น้ำมันไพลทอดต่างจากน้ำมันไพลกลั่นอย่างไร?


รองศาสตราจาย์ ดร. เภสัชกรหญิงนพมาศ สุนทรเจริญนนท์
ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล



ไพล หรือปูลอย ปูเลย มิ้นสะล่าง ว่านไฟ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. หรือ Zingiber cassumunar Roxb. วงศ์ Zingiberaceae เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งในบัญชียาจากสมุนไพร ใน บัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 กลุ่มที่ 2 บัญชียาพัฒนาจากสมุนไพร กลุ่มยารักษาอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก ยาสำหรับใช้ภายนอก ได้แก่ ตำรับยาครีมไพล [ประกอบด้วยน้ำมันไพลที่จากการกลั่น ร้อยละ 14 โดยปริมาตรต่อน้ำหนัก (v/w)] และ ยาน้ำมันไพล [สารสกัดน้ำมันไพลที่ได้จากการทอด (hot oil extract) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ในตำรับ ซึ่งเป็นสูตรเภสัชตำรับของโรงพยาบาล] ข้อบ่งใช้ของทั้งสองตำรับคือ บรรเทาอาการบวม ฟกช้ำ เคล็ดยอก1 

น้ำมันไพลที่ได้จากการทอดและการกลั่นต่างกันอย่างไร? น้ำมันไพลที่ได้จากการกลั่นเป็น น้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นของเหลวที่เป็น hydrophobic ระเหยได้ อาจจะได้จากการกลั่นโดยการต้มด้วยน้ำ (water distillation) ไอน้ำจะพาเอาน้ำมันหอมระเหย ไปควบแน่นเมื่อสัมผัสกับความเย็นของเครื่องควบแน่น (condenser) วิธีการกลั่นแบบนี้เป็นวิธีที่ชาวยุโรปดั้งเดิมนิยมใช้กัน แต่มีข้อเสียตรงที่ไพลที่นำมากลั่นจะถูกความร้อนนาน อาจทำให้น้ำมันไพลที่ได้มีกลิ่นผิดไปได้ หรือจะได้จากการกลั่นโดยใช้การผ่านของไอน้ำเข้าสู่ภาชนะที่มีไพลบรรจุอยู่ (steam distillation) ไอน้ำจะพาเอาน้ำมันหอมระเหยไปควบแน่นที่เครื่องควบแน่น วิธีนี้มีข้อดีกว่าคือ ไพลจะถูกความร้อนไม่มาก น้ำมันหอมระเหยที่ได้จะไม่มีกลิ่นผิดเพี้ยนไป นั่นคือน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากทั้ง 2 วิธี จะมีสารประกอบทางเคมีที่ต่างกันบ้าง โดยทั่วไปน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการกลั่นจะประกอบด้วยสารประกอบทางเคมีที่มีโมเลกุลเล็ก ได้แก่ สารกลุ่ม monoterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนจำนวน 10 ตัว) และสารกลุ่ม sesquiterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนจำนวน 15 ตัว) น้ำมันหอมระเหยไพลที่ได้จากการกลั่นประกอบด้วย สารกลุ่ม monoterpenes ได้แก่ sabinene, terpinen-4-ol, alpha-pinene, alpha-terpinene, gamma-terpinene, limonene, myrcene, p-cymene, terpinolene2, (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl)butadiene (DMPBD), (E)-4-(3’,4’-dimethoxyphenyl)but-3-en-1-ol (Compound D)3,4 

ส่วนน้ำมันไพลที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช เป็นวิธีของคนไทยโบราณที่ใช้เตรียมน้ำมันไพลเพื่อใช้ในครัวเรือน เป็นน้ำมันถูนวด แก้ปวดกล้ามเนื้อ ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลของรัฐได้มีการเตรียมเป็นเภสัชตำรับของโรงพยาบาล และเป็นหนึ่งตำรับในบัญชียาจากสมุนไพร ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 น้ำมันไพลสูตรนี้เตรียมได้จากการนำไพลสดมาทอดกับน้ำมันพืชชนิดอิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดอิ่มตัว) ได้แก่ น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันปาล์ม ไม่ควรใช้น้ำมันพืชชนิดไม่อิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว) ได้แก่ น้ำมันงา น้ำมันมะกอก น้ำมันคำฝอย น้ำมันทานตะวัน หรือน้ำมันรำข้าว ทั้งนี้เพราะว่าน้ำมันชนิดไม่อิ่มตัวจะไม่ทนต่อความร้อน ทำให้พันธะคู่ในโมเลกุลเกิดการแตก และรวมตัวเป็นสาร “โพลีเมอร์” เกิดขึ้น ทำให้เกิดความหนืด นอกจากนี้จะทำให้เกิดควันได้ง่าย และน้ำมันเหม็นหืน น้ำมันพืชที่ใช้ในการทอดเป็นน้ำมันที่ประกอบด้วยกรดไขมัน (fatty acids) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสารประกอบทางเคมีที่มีขั้วน้อย เป็นตัวทำละลายที่ดีในการสกัดสารที่มีขั้วน้อยด้วย ฉะนั้นน้ำมันพืชก็สามารถจะสกัดน้ำมันหอมระเหยซึ่งประกอบด้วยสารประกอบที่มีขั้วน้อยและโมเลกุลเล็กได้ พร้อมทั้งสกัดสารประกอบที่มีขั้วน้อยแต่มีโมเลกุลใหญ่ได้ด้วย ซึ่งในไพลนอกจากประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังประกอบสารกลุ่ม arylbutanoids, curcuminoids, และ cyclohexene derivatives เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่กว่าสารในน้ำมันหอมระเหย และเป็นสารที่ไม่ระเหย สรุปง่าย ๆ คือ น้ำมันไพลที่ได้จากการกลั่นจะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ประกอบด้วยสารโมเลกุลเล็กและระเหยได้ ส่วนน้ำมันที่ได้จากการทอดจะประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารที่มีโมเลกุลใหญ่และไม่ระเหย 

น้ำมันหอมระเหยและสารที่มีโมเลกุลใหญ่ (สารกลุ่ม arylbutanoids, curcuminoids, และ cyclohexene derivatives) เป็นกลุ่มสารที่มีผลการวิจัยพบว่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวดในสัตว์ทดลอง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์เช่นเดียวกับยากลุ่ม NSAIDs3,4-12 นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาทางคลินิกพบว่า ครีมไพลหรือไพลจีซาล (14% ของน้ำมันหอมระเหย) มีฤทธิ์ลดการอักเสบและการปวดของข้อเท้าแพลงในผู้ป่วยนักกีฬาที่บาดเจ็บข้อเท้าแพลงมากกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับยา หลอก13และพบว่าครีมไพจีซาลได้ผลดีในการรักษาอาการปวดเมื่อยหลัง ไหล่ ต้นคอ เอว เข่า14 แต่ตำรับยาน้ำมันไพลที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช หรือการสกัดด้วยตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว ยังไม่เคยมีการศึกษาทางคลินิกมาก่อน ซึ่งขณะนี้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาโครงการ “การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทยเพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า AFTA ด้วยสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 2554” เป็นโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำลังศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมของตำรับยาครีมไพลสกัด ซึ่งเป็นการเลียนแบบวิธีการสกัดแบบภูมิปัญญา ซึ่งเป็นการสกัดสารหลาย ๆ ชนิด ไม่เพียงแต่น้ำมันหอมระเหยเท่านั้น และเป็นการใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า 

ประชาชนสามารถจะเตรียมน้ำมันไพลใช้เองได้ในครัวเรือน จึงขอแนะนำวิธีเตรียมตำรับน้ำมันไพลทอดสูตรโบราณซึ่งใส่เหง้าขมิ้นชันด้วย เพื่อเสริมฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวด ทั้งนี้เพราะขมิ้นชันประกอบด้วยสารสำคัญคือ น้ำมันหอมระเหย และสารกลุ่ม curcuminoids ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวดได้
ตำรับน้ำมันไพลทอดสูตรโบราณ
หัวไพลสด2 กิโลกรัม
ขมิ้นชันสด1/2 กิโลกรัม
น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว1 กิโลกรัม
ดอกกานพลู100 กรัม
การบูร100 กรัม
วิธีทำ
  1. หั่นไพลสด และขมิ้นชันสด ให้เป็นชิ้นบาง ๆ
  2. เทน้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว ลงกระทะยกตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนปานกลาง เอาไพลและขมิ้นชันลงทอดในน้ำมัน (เหมือนทอดกล้วยแขก) ทอดจนไพลและขมิ้นชันกรอบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแก่ แล้วน้ำมันเป็นสีเหลืองใส (ระวังไหม้) ช้อนเอาชิ้นไพลและขมิ้นชันออก
  3. ตำกานพลูให้ป่น นำลงทอดในน้ำมันต่อและลดไฟให้เหลือไฟอ่อน ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันที่อยู่ในกานพลูระเหยไป ทอดประมาณ 5 นาที กรองด้วยผ้าขาวบาง
  4. พอน้ำมันอุ่น ๆ ผสมการบูรลงในน้ำมัน แล้วเทลงในภาชนะที่สามารถปิดฝาให้สนิทป้องกันการระเหยได้ แล้วเทบรรจุลงขวดเล็กปิดฝาให้แน่นเพื่อนำไปใช้ต่อไป
%84%E0%B8%A3/

วิธีทำยาหม่อง

http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2781



        1. การบูรเกล็ด 3  กรัม  การบูรมีลักษณะรสร้อนแรง  สรรพคุณบำรุงธาตุทำให้อาการงวด แก้โรคตาแดง ขับเสมหะ ขับลมให้ผาย กระจายลม
   

         2. เมนทอล 12  กรัม  เมนทอลมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว กลิ่นหอมเย็น


        3.   พิมเสน 3  กรัม  พิมเสนมีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ สีขาวขุ่น สรรพคุณของพิมเสน  มีกลิ่นหอมเย็น ใช้สูตรดมแก้ลมวิงเวียน
ทาภายนอกแก้เคล็ดขัดยอก

        4. พาราฟิน 15  กรัม   ผสมพาราฟินลงไปเพื่อเป็นตัวช่วยให้น้ำมันแข็งตัว


        5. วาสลีน 50  กรัม  วาสลีนเป็นตัวช่วยให้น้ำมันมีความมันลื่น สะดวกในการนำไปใช้ทา

        6.  น้ำมันไพร  5  กรัม   เป็นน้ำมันไพรมีลักษณะเป็นน้ำมันสีเหลือง สรรพคุณ แก้ฟกบวม  เคล็ดยอก ปวดเมื่อย และขับลม

        7. น้ำมันระกำ  5  กรัม  น้ำมันระกำมีลักษณะเป็นน้ำมันใสๆ มีกลิ่นหอมฉุน สรรพคุณ แก้ปวดเมื่อยและเคล็ดขัดยอก

        8 . น้ำมันสาระแหน่  2  กรัม น้ำมันระกำเป็นน้ำมันสีขาวใส  มีกลิ่นหอมเย็น สรรพคุณ  ใช้สูดดมแก้วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย และแก้อ่อนเพลีย

        9. น้ำมันอบเชย 2  กรัม  น้ำมันอบเชยเป็นน้ำมันใส มีกลิ่นหอม  สรรพคุณ  แก้จุกเสียดขับลม

        10. น้ำมันกานพลู 2  กรัม  น้ำมันกานพลู เป็นน้ำมันใส  มีกลิ่นหอม  สรรพคุณ  แก้ปวดท้องและขับเสมหะ

 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน       
         ขั้นตอนการทำน้ำมันไพร
              1.  ไพรสด  1  ขีด  หั่นเป็นแว่น นำไปทอดในน้ำมันมะกอก ประมาณ  10  นาที ยกลงจากเตา
              2.  นำน้ำมันไพรมากรองเอากากทิ้งใช้เฉพาะส่วนที่เป็นน้ำมันสีเหลือง


         ขั้นตอนการทำยาหม่องครีมแก้เคล็ดขัดยอก              1. หั่นพาราฟินเป็นแผ่นบางๆ
             2.  น้ำพาราฟีนใส่หม้อต้มตั้งไฟอ่อนๆให้ละลายเป็นน้ำ
    
           3. ใส่วาสลีนลงไปคนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน

           4. ใส่การบูรเกล็ด เมนทอล พิมเสน คนให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายยกลงจากเตา

         5.  ใส่น้ำมันไพร ลงไปในส่วนผสมคนให้เข้ากัน
         6.  ใส่น้ำมันระกำน้ำ มันสาระสำคัญแหน่ น้ำมันอบเชย น้ำมันกานพลู คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
         7. ตักน้ำมันขณะที่ยังร้อนใส่ขวดแก้ว ทิ้งให้เย็นปิดฝา

ข้อเสนอแนะ        1. ยาหม่องครีมแก้เคล็ดขัดยอกจะละลายเมื่อถูกความร้อน จึงควรเก็บในที่ห่างจากแสงแดด
        2. การละลายพาราพินต้องใช้ไฟอ่อนๆ เพราะถ้าไฟแรงเกินไปอาจทำให้ไฟติดในหม้อขณะต้ม
        3. การทำน้ำมันไพรใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันมะกอกก็ได้
        4. ผู้ผลิตอาจจะบรรจุยาหม่องแก้เคล็ดขัดยอกในขวดหรือภาชนะที่แปลกใหม่เพื่อเป็นการดึงดูดใจให้อยากซื้อหา

ข้อควรระวัง
        1. ขณะทำยาหม่องแก้เคล็ดขัดยอกไม่ควรให้น้ำหรือเหงื่อหยดลงไป ในหม้อต้มเพราะน้ำอาจทำให้เทียนในหม้อที่กำลังร้อนเกิดระเบิดเป็นอันตรายได้
        2. การใช้ยาหม่องแก้เคล็ดขัดยอก ควรใช้อย่างระมัดระวังไม่ควรให้เข้าตา จะทำให้แสบตาได้
        3. ไม่ควรกินหรือใช้ยาหม่องแก้เคล็ดขัดยอกกับผิวเด็กอ่อนเพราะอาจทำให้ผิวร้อนไหม้หรือลอกได้

Sunday, 15 January 2017

น้ำมันไพล ยาหม่องไพล สูตรหว้ากอ

http://www.waghor.go.th/v1/elearning/techno/ocupation_techno2-3.php



1.  ส่วนผสมในการทำยาหม่องน้ำไพล

1.  ไพล เป็นพืชล้มลุก ส่วนที่ใช้เป็นยาคือเหง้าแก่  สรรพคุณแก้ฟกช้ำ  เคล็ดขัดยอก  เส้นตึง  ลดการอักเสบและบวม

2.  พิมเสน  คือพืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากการสกัดต้นและใบของพิมเสน  มีสรรพคุณ  คือ  กลิ่นหอม  ใช้สูดแก้ลมวิงเวียน  อ่อนเพลีย  แทรกในยาลม ฯลฯ  ยาธาตุ  น้ำอบไทย  ยาสีฟัน  และเป็นส่วนผสมการทำยาหม่องทุกชนิด

3.  การบูร  คือ พืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากเปลือกของต้นไม้และเนื้อไม้  นำมากลั่นจนตกผลึกเป็นเม็ดขาว  สรรพคุณกลิ่นหอม  ร้อน  ปร่าซ่า  แก้ปวดท้อง  แก้แน่น  ทาถอนพิษ  อักเสบอย่างเรื้อรัง  แก้ปวดตามตัว  และเป็นส่วนผสมของการทำยาหม่องทุกชนิด

4.  เมนทอล  คือ  พืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากการกลั่น  มีสรรพคุณช่วยให้เย็นและดับกลิ่นหืน ทำให้น้ำมันไม่เสียง่าย และเป็นส่วนผสมของการทำยาหม่องทุกชนิด

5.  น้ำมันคาร์เนชั่น  มีลักษณะเป็นน้ำมันใสๆ   ไม่มีกลิ่น  สรรพคุณเป็นตัวทำละลาย

6.  น้ำมันระกำ   มีสรรพคุณ คือ กลิ่นหอมฉุน  แก้ปวดเมื่อย  เคล็ดขัดยอก


2.ขั้นตอนการทำยาหม่องน้ำไพล


1.  นำไพล จำนวน  3 –4  แว่น  ล้างให้สะอาดหั่นและทุบให้ไพลค่อนข้างละเอียดแล้วนำไปตุ๋นกับน้ำมันคาร์เนชั่น  5  ออนซ์   ประมาณ   3  ชั่วโมง  แล้วกรองเอาแต่น้ำ


2.  นำไพลที่ตุ๋นเสร็จแล้ว  5  ช้อนโต๊ะ  ใส่ในภาชนะปากกว้าง

3.  ใส่น้ำมันคาร์เนชั่น  5   ช้อนโต๊ะ


4.  ใส่พิมเสน  1  ช้อนโต๊ะ  , เมนทอล   1  ช้อนโต๊ะ  , การบูร  1  ช้อนโต๊ะ  และ
น้ำมันระกำ  1  ช้อนโต๊ะ  ผสมเข้าด้วยกันให้ละลาย


5.  กรองด้วยผ้าสะอาด


http://www.waghor.go.th/v1/elearning/techno/ocupation_techno2-4.php


1.  ส่วนผสมในการทำยาหม่องไพล


1.  ไพล เป็นพืชล้มลุก ส่วนที่ใช้เป็นยาคือเหง้าแก่  สรรพคุณแก้ฟกช้ำ  เคล็ดขัดยอก  เส้นตึง  ลดการอักเสบและบวม

2.  พิมเสน  คือพืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากการสกัดต้นและใบของพิมเสน  มีสรรพคุณ  คือ  กลิ่นหอม  ใช้สูดแก้ลมวิงเวียน  อ่อนเพลีย  แทรกในยาลม ฯลฯ  ยาธาตุ  น้ำอบไทย  ยาสีฟัน  และเป็นส่วนผสมการทำยาหม่องทุกชนิด

3.  การบูร  คือ พืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากเปลือกของต้นไม้และเนื้อไม้  นำมากลั่นจนตกผลึกเป็นเม็ดขาว  สรรพคุณกลิ่นหอม  ร้อน  ปร่าซ่า  แก้ปวดท้อง  แก้แน่น  ทาถอนพิษ  อักเสบอย่างเรื้อรัง  แก้ปวดตามตัว  และเป็นส่วนผสมของการทำยาหม่องทุกชนิด

4.  เมนทอล  คือ  พืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากการกลั่น  มีสรรพคุณช่วยให้เย็นและดับกลิ่นหืน ทำให้น้ำมันไม่เสียง่าย และเป็นส่วนผสมของการทำยาหม่องทุกชนิด

5.  น้ำมันคาร์เนชั่น  มีลักษณะเป็นน้ำมันใสๆ   ไม่มีกลิ่น  สรรพคุณเป็นตัวทำละลาย

6.  น้ำมันระกำ   มีสรรพคุณ คือ กลิ่นหอมฉุน  แก้ปวดเมื่อย  เคล็ดขัดยอก

7.  วาสลีน   มีลักษณะเป็นครีมสีขาวทำจากผลผลิตของปิโตรเลียม  สรรพคุณทำให้ยาหม่องนิ่ม

8.  พาราฟิน  หรือเทียนไข  มีลักษณะแข็งเป็นก้อน  สรรพคุณทำให้ยาหม่องแข็ง



2.ขั้นตอนการทำยาหม่องไพล

1.  นำไพลล้างให้สะอาด หั่นและทุบให้ไพลค่อนข้างละเอียดแล้วนำไปตุ๋นในหม้อ
ประมาณ  3  ชั่วโมง  แล้วกรองเอาแต่น้ำ


2.  นำส่วนผสมทั้ง 5  รายการ ลงผสมเข้าด้วยกันให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน

   1.  พิมเสน                    1          ช้อนโต๊ะ
   2.  เมนทอล                  1          ช้อนโต๊ะ
   3.  การบูร                    1          ช้อนโต๊ะ
   4.  น้ำมันระกำ              1          ช้อนโต๊ะ
   5.  น้ำมันไพล               5          ช้อนโต๊ะ

3.  นำพาราฟิน  1 1/2  ช้อนโต๊ะ   , วาสลีน  1  ช้อนโต๊ะ  ใส่หม้อตุ๋นตั้งไฟให้ละลาย

4.  นำส่วนผสมในข้อ 1  ใส่รวมกับข้อ 2 ตุ๋นไฟอ่อนๆ   คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน (ละลายเป็นน้ำ)

5.  นำยาหม่องไพลที่ผสมแล้วในข้อ 3  ขณะที่ยังร้อนใส่ขวดทิ้งไว้ให้แข็งตัว  

(ในขณะที่ยาหม่องยังไม่แข็งตัว  ห้ามเคลื่อนย้ายเพราะจะทำให้ปากขวดเลอะ)







Jan 16, 2017 น้ำมันระกำ

วันนี้ครบรอบเดือนที่กระดูกตาตุ่มแตก  ต้องรอถึงวันพฤหัสที่ 19 ถึงจะไปเอกซ์เรย์และหาหมออีกรอบ  สามวันนี้จะต้องอยู่บ้านแบบสงบเสงี่ยมไปก่อน

ตื่นมาด้วยความปวดระบมขาขวาและลำตัว  เคลื่อนไหวได้อย่างเชื่องช้า  อาจจะเป็นเส้นเอ็นอักเสบจากการนอนผิดท่า  เป็นได้สองวันแล้ว  แต่วันนี้อาการหนักกว่าเมื่อวาน มีความเจ็บปวดแบบผิดปกติ

ก็เลยเริ่มทดลองสูตรน้ำมันเหลือง ผสม น้ำมันระกำ ที่ได้ซื้อมาตั้งแต่ก่อนไปเซี่ยงไฮ้  แต่ยังไม่ได้เอามาทำอะไรเลย   ช่วงนี้ยังเคลื่อนไหวไม่ได้สะดวก เลยไม่สามารถจะชั่ง ตวง วัด สำหรับทำสูตรใหม่ได้  ลองศึกษาถึงคุณสมบัติของน้ำมันสมุนไพรที่ซื้อมาทำก่อนละกัน  วันนี้เป็นวันที่เหมาะกับการทดลองสูตรน้ำมันต่างๆ มาก  เพราะรู้สึกปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว


http://samunpai-online.blogspot.com/2011/12/wintergreen-oilsmethyl-salicylate.html


น้ำมันระกำ  ภาษาอังกฤษเรียกว่า  wintergreen oil  Methyl-Salicylate

เป็นน้ำมันใสๆ สีขาว กลิ่นฉุน  มีคุณสมบัติในการแก้ปวดเมื่อย และเคล็ดขัดยอก ทำให้คลายเส้น

https://www.chemipan.com/home/index.php/635-

น้ำมันระกำ (Wintergreen Essential Oil) ใช้เป็นส่วนผสมเครื่องสำอาง ใช้ในสปา มีกลิ่นหอมฉุนแก้ปวดเมื่อยและเคล็ดขัดยอกทำให้คลายเส้นเป็นตัวยาสำคัญในตำรับยานวดคลายกล้ามเนื้อ(deep heating rubs) ช่วยในเรื่องระบบทางเดินหายใจ ลดอาการไอ ต้านการอักเสบ เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยของระกำมีสารสำคัญของเมทิลซาลิไซเลต ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายกัยเอสไพริน ผู้ที่แพ้แอสไพรินไม่ควรใช้ และใช้ภายนอกเท่านั้น [CAS:9041-28-5; Gaultheria Procumbens]

ที่หน้าเว็บของเคมีภัณฑ์ มีขายปลีก ราคา 25 กรัม 58 บาท  แพงกว่าที่เราซื้อมาจากร้านสมุนไพรหลานหลวง  ที่นั่นได้ขวดใหญ่  ในเว็บนี้ของจะเป็นของดีกว่า


ข้อมูลย่อ (น้ำมันหอมระเหย)
ชื่อทั่วไป (Common Name) Tooltip
น้ำมันหอมระเหย ระกำ (Wintergreen Essential Oil)
ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scienctific name) Tooltip
Gaultheria Procumbens
CAS Number Tooltip
9041-28-5
เกรดสินค้า Tooltip
Cosmetic Grade
ประเทศต้นกำเนิด (Origin country) Tooltip
ฝรั่งเศส (France)
อุตสาหกรรมที่ใช้ (Industril to use) Tooltip
เครื่องสำอางค์ (Cosmetic) ; น้ำหอม (Perfumery) ; สปา (Spa Massage) ; ยา-เวชภัณฑ์ (Pharmaceutical)
เหมาะผสมกับ (Blend well with) Tooltip
Peppermint, Thyme, Ylang Ylang,Juniper berry, Marjoram, Lemon grass, Lavender
   
วิธีการสกัด (Extract method) Tooltip
สกัดด้วยไอน้ำ (Distillation)
ส่วนที่ใช้สกัด (Extract part) Tooltip
ใบไม้ (Leaf)
ส่วนผสมหลัก (Main ingredient) Tooltip
บรรจุภัณฑ์ (Container)Tooltip
ขวดแก้วอโรม่า ; ขวด อลูมิเนียม
ข้อมูลอื่น (Other info)Tooltip
เอกสารที่เกี่ยวข้อง (Related documents)TooltipCOA
http://www.thaikasetsart.com/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99/


จากเว้บไทยเกษตรศาสตร์  มีรูปต้นไม้ให้ดู ปรากฎว่ามันไม่ใช่จากต้นระกำหนามแหลมๆที่เรากินกัน แต่ว่ามันเป็นต้นแบบนี้  เป็นเหมือนพวกเบอรรี่



ชื่อวิทยาศาสตร์ Gaultheria procumbens Linn.
ชื่ออังกฤษ wintergreen, Checkerberry, Teaberry Tree, Methyl Salicylate.
ลักษณะ เป็นไม้เล็กๆ แผ่ไปตามดิน ยอดจะชูขึ้นสูงประมาณครึ่งฟุต มีอายุเกิน 1 ปี
ใบ เดี่ยวออกสลับกัน ใบสีเขียวแก่ รูปไข่ ใบมีกลิ่นหอมหวานรสฝาด ดอก สีขาวออกที่ข้อข้างๆ ใบ ผล เป็น capsule สีม่วง มีส่วนของกลีบรองกสีบดอก สีแดงสดติดอยู่
ส่วนที่ใช้ ใบสด
สารสำคัญ ใบมี 99% methyl salicylate
ประโยชน์ ใบกลั่นให้น้ำมันระกำ
น้ำมันระกำ
ชื่อไทย นํ้ามันระกำ
ชื่ออังกฤษ Natural oil of Wintergreen
ลักษณะ เป็นนํ้ามันใสสีเหลืองอ่อน มีกลิ่น และรสฉุน
ประโยชน์ทางยา ใช้ภายนอกเป็นยาทาช่วยกระตุ้น ทำให้ผิวหนังบวมแดง ใช้รักษาโรคไขข้ออักเสบ ผสมในยาหม่อง ยาขี้ผึ้งจะทำให้ผิวหนังบวมแดง ยาภายในใช้ขนาดน้อยเป็นยาแต่งกลิ่น
ที่มา:ศาสตราจารย์พเยาว์  เหมือนวงษ์ญาติ
http://www.waghor.go.th/v1/elearning/techno/ocupation_techno2-6.php
1.  ส่วนผสมในการทำยาหม่องน้ำมันระกำ

1.  พาราฟิน  หรือเทียนไข  มีลักษณะแข็งเป็นก้อน  สรรพคุณทำให้ยาหม่องแข็ง
2.  วาสลีน   มีลักษณะเป็นครีมสีขาวทำจากผลผลิตของปิโตรเลียม  สรรพคุณทำให้ยาหม่องนิ่ม
3.  น้ำมันระกำ   มีสรรพคุณ คือ กลิ่นหอมฉุน  แก้ปวดเมื่อย  เคล็ดขัดยอก
4.  การบูร  คือ พืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากเปลือกของต้นไม้และเนื้อไม้  นำมากลั่นจนตกผลึกเป็นเม็ดขาว  สรรพคุณกลิ่นหอม  ร้อน  ปร่าซ่า  แก้ปวดท้อง  แก้แน่น  ทาถอนพิษ  อักเสบอย่างเรื้อรัง  แก้ปวดตามตัว  และเป็นส่วนผสมของการทำยาหม่องทุกชนิด
5.  พิมเสน  คือพืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากการสกัดต้นและใบของพิมเสน  มีสรรพคุณ  คือ  กลิ่นหอม  ใช้สูดแก้ลมวิงเวียน  อ่อนเพลีย  แทรกในยาลม ฯลฯ  ยาธาตุ  น้ำอบไทย  ยาสีฟัน  และเป็นส่วนผสมการทำยาหม่องทุกชนิด
6.  เมนทอล  คือ  พืชชนิดหนึ่งซึ่งได้จากการกลั่น  มีสรรพคุณช่วยให้เย็นและดับกลิ่นหืน ทำให้น้ำมันไม่เสียง่าย และเป็นส่วนผสมของการทำยาหม่องทุกชนิด

2.ขั้นตอนการทำยาหม่องน้ำมันระกำ


1.  นำพาราฟิน  1  ช้อนโต๊ะ  และวาสลีน   1 1/2   ช้อนโต๊ะ  ใส่หม้อตุ๋น  ตั้งไฟ คนให้ละลาย


2.  นำน้ำมันระกำ  3  ช้อนโต๊ะ   การบูร   1  ช้อนโต๊ะ    พิมเสน  1  ช้อนโต๊ะ  เมนทอล  1  ช้อนโต๊ะ ลงผสมกับข้อ 1  คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน 


3.  นำยาหม่องน้ำมันระกำในข้อ 2  ขณะที่ยังร้อนใส่ขวด ทิ้งไว้ให้แข็งตัว (ในขณะที่ยาหม่องน้ำมันระกำยังไม่แข็งตัว  ห้ามเคลื่อนย้ายเพราะจะทำให้ปากขวดเลอะ)


Essential Oil 

มีขาย  essential oil จาก ฝรั่งเศส ยี่ห้อ  Unmei  ขนาด 10 ml ราคา 550 บาท และยี่ห้อนี้ขาย lazada ราคาเดียวกันด้วย 

http://www.bio99.co.th/wintergreen


http://www.lazada.co.th/unmei-wintergreen-wintergreen-essential-oil-100-10ml-2773113.html?setLang=th